
จากที่สนามข่าว 7 สี ได้นำเสนอไปกรณี นางสาวนันทวรรณ คุ้มศิริ อายุ 34 ปี ออกมาร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือผ่าน นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ว่าเธอถูกกรมสรรพกร แจ้งความกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. เพื่อให้ดำเนินคดีกับเธอในข้อกล่าวหาร่วมกันโดยรู้อยู่แล้ว หรือโดยจงใจแจ้งข้อความเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร จำนวนเงินประมาณ 32 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่หญิงผู้ร้องออกมาให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวในตอนแรก ต่อมาพบข้อมูลตัวเลขในสำนวนส่งฟ้องของตำรวจ ตัวเลขที่ต้องจ่ายภาษีรวมดอกเบี้ยอยู่ที่จำนวน 3.24 ล้านบาทเศษ ๆ เท่านั้น
โดยเธออ้างว่า ลำพังน้ำพักน้ำแรงทำงานเป็นพนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้า อยู่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่จังหวัดสมุทรปราการ ได้ค่าแรงวันละ 300 บาท รวม ๆ แล้วเงินเดือนแค่หลักหมื่นบาท แล้วจะเป็นไปได้อย่างไร ที่เธอจะมีชื่อดำรงตำแหน่งเป็นถึงกรรมการบริษัทดังกล่าว ตามที่ตำรวจระบุไว้ในสำนวนส่งฟ้องศาล ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2559 โดยทุกครั้งที่เข้าพบพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหามาตลอดว่าไม่เคยจดทะเบียนเปิดบริษัทใด ๆ มาก่อน
ตลอดช่วงที่เกิดคดีความ จนมาทราบว่าวันที่ 13 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ หากศาลรับฟ้อง เธอต้องวางเงินประกันจำนวน 200,000 บาท เพื่อออกมาสู้คดี ยิ่งทำให้เครียดอย่างหนักถึงขั้นคิดตัดช่องน้อยหนีปัญหา แต่เพราะกำลังใจจากครอบครัว ต้องฮึดสู้ และออกมาขอความเป็นธรรม
ด้าน นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความที่เข้ามาช่วยเหลือ ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจจะมีใครบางคนนำเอกสารของ นางสาวนันทวรรณ คุ้มศิริ ไปใช้ หรือไม่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อความแน่ชัด ขณะเดียวกันตลอดทั้งวันของเมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) ได้เร่งรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนางสาวนันทวรรณ เพื่อใช้เป็นประกอบเอกสารในการยื่นคำร้องต่ออัยการ โดยในวันนี้ (9 ก.ค.) นางสาวนันทวรรณ พร้อมด้วยทนายความ จะเดินทางไปยื่นคำร้องที่สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายอาญา มีนบุรี เพื่อขอให้พิจารณาคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง หรือเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน
ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลในสำนวนคดี พบชื่อ นางสาวนันทวรรณ คุ้มศิริ ผู้ต้องหา ปรากฏชื่อดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการลงลายมือชื่อ และประทับตราสำคัญของบริษัทแห่งหนึ่ง ตามที่ถูกระบุไว้ในสำนวนคดีจริง โดยบริษัทดังกล่าวได้เปิดประกอบกิจการ ซื้อ ขาย นำเข้า ส่งออก ตลอดจนรับติดตั้งอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน ถูกจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2548 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ในพื้นที่เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ด้วยเงินทุนจดทะเบียน จำนวน 5 ล้านบาท ปัจจุบันพบมีสถานะยังดำเนินกิจการอยู่
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของตำรวจ ปอศ. พบข้อมูลเชิงลึกอีกว่า ขณะที่บริษัทนี้เปิดประกอบการอยู่นั้น ในขณะนั้น นางสาวนันทวรรณ ยังไม่ได้เข้ามาเป็นกรรมการบริษัท แต่เพิ่งจะเข้ามาเป็นกรรมบริษัทเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2553 จากนั้นต่อมาวันที่ 15 กรกฎาคม พบความเคลื่อนไหวบริษัทได้มีการยื่นแบบเสียภาษีผลประกอบการของปี 2562 ซึ่งเป็นเท็จ - ถือว่าเป็นวันที่เกิดเหตุ โดยหลังจากนี้ตำรวจจะต้องสอบย้อนหลังไปว่า ก่อนหน้าที่ นางสาวนันทวรรณ จะเข้ามา มีใครเกี่ยวข้องเป็นกรรมการบริษัทนี้บ้าง เพื่อสาวลงลึก
"ในตอนแรก" - Google News
July 09, 2020 at 09:04AM
https://ift.tt/3ffveyz
ทนายความเตรียมหาหลักฐานช่วยหญิง ต้องคดีเลี่ยงภาษี จ.สมุทรปราการ - ช่อง 7
"ในตอนแรก" - Google News
https://ift.tt/2AnIstz
No comments:
Post a Comment