พามาเจาะ 10 ความลับที่หลายคนยังไม่รู้ของ “ยันฮี วิตามินวอเตอร์” ผู้บุกเบิกตลาดน้ำผสมวิตามินรายแรกๆ ในไทย ล่าสุดได้ออกสูตรใหม่น้ำผสมวิตามินซี ตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ดูแลสุขภาพมากขึ้น
งานนี้ “เจษฏา อุดมถิรพันธุ์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด เป็นผู้เล่าเรื่องราวต่างๆ ของยันฮี วิตามินวอเตอร์ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน…
1. คิดค้นโดยหมอสุพจน์ CEO ยันฮี
ยันฮี วิตามินวอเตอร์ได้เริ่มคิดค้นในปี 2557 โดยเจ้าของไอเดียคือ “นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลยันฮีนั่นเอง ไอเดียมาจาก Pain Point ของผู้ป่วยในโรงพยาบาล ซึ่งหมอสุพจน์เป็นหมอผ่าตัด จะพบว่าคนไข้หลังผ่าตัดจะอยู่ในภาวะอ่อนแอ เพราะเสียเลือดเยอะ หมอก็ทำการจ่ายยาวิตามินเพื่อฟื้นฟู แต่ผู้ป่วยจะไม่ค่อยยอมกินยา เพราะมีเม็ดขนาดใหญ่
หมอสุพจน์จึงหาวิธีทดแทนการกินยา เพื่อไม่อยากให้ผู้ป่วยอ่อนแอลงไปอีก จึงคิดค้นน้ำวิตามิน และจ่ายน้ำวิตามินแทนยา เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็ว
2. เริ่มจากคนป่วย ขยายไปยังคนทั่วไป
จุดประสงค์หลักของยันฮี วิตามินวอเตอร์ก็คือตอบโจทย์คนไข้ในโรงพยาบาล ตอนแรกยังไม่คิดถึงขั้นทำตลาดขายข้างนอกอย่างจริงจัง จนมีผู้ป่วยหลายๆ เคสดื่มน้ำวิตามินแล้วติดใจ เพราดื่มแล้วสดชื่น ฟื้นตัวได้เร็ว ผู้ป่วยเริ่มติด จนเริ่มถามว่ามีทำขายหรือไม่ จนมาประชุมกันว่าจะทำขายอย่างไรดี ในตอนแรกผู้ป่วยเป็นคนสั่ง แล้วไปขายต่อๆ กัน จนคนทั่วไปรู้จัก
3. ทำไมต้องเริ่มที่วิตามินบี
จะเห็นว่าน้ำผสมวิตามินในตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำผสมวิตามินบีเป็นหลัก ของยันฮี วิตามินวอเตอร์ในสูตรดั้งเดิมก็เป็นน้ำผสมวิตามินบี เหตุผลที่หลายเจ้าเลือกวิตามินตัวนี้เพราะเป็นวิตามินสำคัญ ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เข้าไปเสริมสร้างร่างกายไม่ให้อ่อนแอ
โดยที่สูตรจะเป็นน้ำใส่สมุนไพรสกัด เช่น เก็กฮวยสกัด ทำให้มีกลิ่นสดชื่น
4. ขวดมาจาก “ขวดแอลกอฮอล์” ล้างแผล
ขวดสีฟ้า มีฝาแบบคล้องนิ้วได้ ค่อนข้างจะเป็นดีไซน์แบบสปอร์ต แต่จริงๆ แล้วไอเดียหลักของขวดนี้มาจาก “ขวดแอลกอฮอล์” ที่ไว้ใช้ล้างแผลในโรงพยาบาลนั่นเอง ทำการเปลี่ยนฝาให้จับย่าย คล้องกระเป๋าได้ มีสีสันสดใสมากขึ้น
5. ทำไมต้อง 17 บาท
เป็น Price Point ที่ไม่ค่อยเห็นในตลาดมากนัก เพราเป็นตัวเลขที่เป็นเศษ ส่วนใหญ่การตั้งราคาในตลาดจะเป็นเลขที่ลงตัว 15, 20 หรือ 25 บาทไปเลย
การตั้งราคาที่ 17 บาทนั้น มาจากที่หมอสุพจน์บอกว่า ไม่ต้องการเอาเปรียบผู้บริโภค จริงๆ สามารถขาย 20 บาทก็ได้ แต่ขาย 17 บาทพอ ไม่อยากเอากำไรมาก เป็นราคาที่ลูกค้าจ่ายได้
6. ชื่อแบรนด์มีความน่าเชื่อถือ
นอกจากตลาดในโรงพยาบาลแล้ว ยันฮี วิตามินวอเตอร์ยังแข็งแกร่งในตลาดต่างจังหวัด เพราะความแข็งแกร่งของชื่อแบรนด์ ทำให้มีความน่าเชื่อถือ
เจษฎาบอกว่า “แบรนด์เป็นชื่อเดียวกับโรงพยาบาล ทำให้มีความน่าเชื่อถือ สำหรับคนในต่างจังหวัดเขาแยกไม่ออกว่าอันนี้น้ำแร่ น้ำเปล่า หรือมาตรฐาน GMP แต่เขารู้แค่ว่านี่คือน้ำของโรงพยาบาล เลยเลือกอันนี้ดีกว่า” เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เติบโตในต่างจังหวัดได้ดี
7. เร่งขยายช่องทางจัดจำหน่าย
ในช่วงแรกยันฮี วิตามินวอเตอร์มีจำหน่ายแค่ในโรงพยาบาล และค่อยๆ ขยายออกมายังช่องทางอื่นๆ เทรดิชันนอลเทรด และโมเดิร์นเทรด ปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายจากเทรดิชันนอล เทรด (ร้านโชว์ห่วยทั่วไป) 60-70% และโมเดิร์น เทรด 30-40%
แต่เทรนด์ในโมเดิร์น เทรดเริ่มเติบโตมากขึ้น ทั้งในร้านสะดวกซื้อ และร้านขายส่งอย่างแมคโคร เพราะลูกค้าให้การตอบรับดีมากขึ้น
ในปีนี้ได้ทำการขยายกำลังการผลิต เพื่อตอบรับเทรนด์เพื่อสุขภาพ ขยายช่องทางจัดจำหน่ายมากขึ้น ขยายโมเดิร์นเทรดมากขึ้น เพื่อขยายฐานคนเมือง จากปกติลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วย และคนต่างจังหวัด แต่มองว่าอยากทำช่องทางการขายเอง เพราะการเข้าร้านค้าปลีกต้องมีเสียค่า GP ยิ่งทำให้กำไรน้อยลงไปอีก
8. ออกสูตรวิตามินซีในรอบ 6 ปี
สำหรับทีม R&D ของยันฮี วิตามินวอเตอร์เป็นทีมแพทย์ และนักโภชนาการ จะพบว่าในปัจจุบันผู้ป่วยมาหาหมอด้วยโรคภูมิแพ้เยอะขึ้น เลยคิดออกสูตร “วิตามินซี” ขึ้นมาสูตรใหม่ เป็นสินค้าใหม่ในรอบ 6 ปี
ล่าสุดได้เปิดตัว “ยันฮี วิตามิน ซี วอเตอร์ (Yanhee Vitamin C Water)” น้ำดื่มผสมวิตามินซี 200% ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และสมุนไพรสกัด ส่งผลให้ไม่ป่วยหรือเป็นหวัดได้ง่าย เพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับคลอเลสเตอรอลในร่างกาย และเป็นตัวกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตของผิวพรรณ เสริมสร้างคลอลาเจน ทำให้ผิวพรรณดูสดใสไม่แห้งกร้าน
9. ขอโตแบบมั่นคง ไม่หวือหวา
ตอนนี้ในตลาดน้ำผสมวิตามินกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก มีผู้เล่นหลายรายลงมาจับตลาดนี้ ทำให้หลายคนมองว่าจะมาเร็วไปเร็วเหมือนกับตลาดอื่นหรือไม่
เจษฎามองว่า พยายามทำให้ตลาดเติบโตอย่างมั่นคง ไม่อยากเป็นแบบตลาดฟังก์ชันนอลดริ้งก์ที่โตเร็ว และลงเร็ว แต่น้ำวิตามินมีจุดเด่นคือสามารถดื่มทดแทนน้ำเปล่าได้ ไม่มีข้อจำกัดเหมือนฟังก์ชั่นนอลดริ้งก์ หรือวิตามินแบบช็อตที่มีปริมาณดื่มแบบจำกัด รูปแบบการบริโภคต่างกันด้วย
10. ตลาดคึกคัก เหยียบ 5,000 ล้าน
จากเทรนด์การดูแลสุขภาพของผู้บริโภคในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับช่วง COVID-19 คนยิ่งตื่นตัวเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้น หลายแบรนด์ลงมาทำตลาดนี้มากขึ้นเช่นกัน ทำให้มีการคาดการณ์ว่าตลาดน้ำผสมวิตามินในปีนี้จะมีมูลค่าแตะ 5,500 ล้านบาท โดยที่ยันฮี วิตามินวอเตอร์ คาดมีรายได้ 3,000 – 4,000 ล้านบาท และมาจากอีก 2 แบรนด์ ที่มีการตั้งเป้ารายได้ที่คนละ 1,000 ล้านบาท
Related
"ในตอนแรก" - Google News
August 03, 2020 at 02:08PM
https://ift.tt/2Xm3OjP
10 ความลับ “ยันฮี วิตามินวอเตอร์” ผู้บุกเบิกตลาดน้ำผสมวิตามินในไทย - Positioning Magazine
"ในตอนแรก" - Google News
https://ift.tt/2AnIstz
No comments:
Post a Comment